วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ถามตอบปัญหาธรรมะ

ถาม​   ทำอย่างไรจะฝึก​ผู้รู้​ในจิตให้รู้เท่าทันอารมณ์​และให้มีกำลังที่จะยับยั้งไม่ให้ตอบสนองอารมณ์นั้น 
ตอบ​   แท้จริงแล้วเราไม่ต้องฝึกผู้รู้​ให้รู้เท่าทันอารมณ์ ผู้รู้​มันเท่าทันอยู่แล้ว​ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราไปทำอย่างอื่นเสีย​ เราไปคิดเรื่องอื่นเสีย ​เราไปปรุงเรื่องอื่นเสีย​ เราไม่ได้ใส่ใจกับผู้ร  ​ู้เมื่อเวลาเราไม่ใส่ใจไม่ทะนุถนอมผู้รู้ ​มันก็เท่ากับเราปล่อยให้อารมณ์อื่นมาครอบงำ​ ปล่อยความคิดความรู้สึกต่างๆ​มาทำให้มันแปดเปื้อน​ ผู้รู้มันดีอยู่แล้ว ​ผู้รู้มันเบิกบานอยู่แล้ว​ ผู้รู้มันตื่นอยู่แล้ว ​เราเพียงต้องเอาใจใส่ดูแลรักษาผู้รู้​และไม่สนับสนุนอารมณ์อื่นๆ​ เช่น​ อารมณ์ของความเพลิดเพลินยินดีในกาม​หรืออารมณ์ที่ประกอบด้วยโทสะ​ความง่วงเหงาหาวนอน​ความฟุ้งซ่าน​หรือความลังเลสงสัย​ ถ้าหากว่าเราไม่ให้อาหารมัน​ ไม่เลี้ยงมันไว​้ มันก็จะเริ่มไม่มีกำลัง​ แล้วในที่สุด​มันก็อยู่ไม่ได้ ​อย่างนี้ก็เป็นการสนับสนุน​ผู้ร​ู้ขึ้นมาด้วยการไม่เอาอะไรมาขวางมัน​ 

ถาม​​   ทำไมพระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้ทานเนื้อม้า 

ตอบ​  ที่พระพุทธเจ้าห้ามพระฉัน ​เพราะม้าเป็นสัตว์ของพระราชาเช่นเดียวกันกับช้าง​ นอกจากนี้ยังห้ามฉันหมาและงู​ เพราะเป็นของต่ำ​น่าเกลียด​สัตว์ร้ายบางชนิดเป็นอันตราย  สำหรับพระที่อยู่ป่า​ เช่น​ เสือ​หมี​พระพุทธเจ้าว่า​ ถ้าพระฉัน​จะมีกลิ่นของเนื้อนั้นอย  ​ู่เมื่อพระไปปักกลดในป่า​สัตว์มันจะเข้ามาหา​แล้วท่านยังห้ามไม่ให้พระฉันเนื้อมนุษย์ด้วย 

ถาม  ​​เมื่อมีสมาธิแล้ว​จะมีสติเสมอหรือไม่เวลานั่งทำสมาธิ 

ตอบ​   สำคัญว่าสมาธิที่มีต้องเป็นสัมมาสมาธ​ิ เพราะสมาธิมีทั้งสัมมาสมาธ​ิ และมิจฉาสมาธิ​ ซึ่งเป็นสมาธิที่ไม่ถูกต้อง ​คือ​ เป็นสมาธิที่ไม่มีสติเป็นองค์ประกอบ​เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสมาธิที่ถูกต้อง​คือ​ จิตใจของเราจะนิ่งขึ้นๆ​สงบมาก​ถ้าไม่มีสติเป็นองค์ประกอบพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ เราต้องมีผู้รู้ติดตัวอยู่ เราจะทิ้งผู้รู้ไม่ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น