ถาม ฌาน๔ คืออะไร ผู้ปฏิบัติมากๆแล้วไปติดอยู่ในฌาน๔ จะดูเหมือนคนที่มีจิตไม่ปกติหรือเปล่าต้องให้ครูบาอาจารย์แก้ไขหรือไม่
ตอบ ไม่ใช่ คือ ฌาน๔ เป็นความสงบและความประณีตของจิตใจเป็นผลจากการทำสมาธิจิตใจจะเยือกเย็นปลอดโปร่งหนักแน่นมาก ไม่เป็นสิ่งที่ทำให้วิปริตแต่มีบางคนที่พูดอวดว่า เขาได้ฌานนี้ฌานนั้นแล้วเกิดวิปลาสไม่ใช่ว่าเขาได้ฌาน๔ แล้วจึงวิปลาส คือ มันตรงกันข้ามคนมันวิปลาสมาก่อน วิปลาสจนแต่งฌาน๔ ขึ้นมาเอง มันคิดคาดคะเนว่าจะได้ฌานอย่างนี้ฌานอย่างโน้น ก็เลยเป็นเรื่องพูดในลักษณะนี้ ฌานเป็นความปกติของจิตใจเวลาทำจิตใจให้สงบยิ่งสงบมันก็ยิ่งปกติมันสบาย การได้ฌานเราก็ดูที่องค์ประกอบ องค์ประกอบของฌานที่๑ มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่มีนิวรณ์๕ เข้ามาครอบงำคือจะไม่มีกามฉันทะหรือความพอใจในกาม ความรู้สึกโกรธหรือโมโหความง่วงเหงาหาวนอนความฟุ้งซ่านหรือ ความลังเลสงสัยวิตก ในลักษณะนี้ไม่ใช่วิตกในภาษาไทย มันเป็นวิตกในภาษาบาลีแปลว่า คิดแบบมีหลักสามารถตั้งจิตไว้ยกขึ้นมาสู่จิตใจและวิจาร คือ การสังเกตการพิจารณาในอารมณ์นั้นในสิ่งนั้นยกขึ้นมาไตร่ตรอง ลักษณะของฌานจะมีกุศลธรรมล้วนๆไม่มีอกุศลเกิดขึ้น จิตจะเบิกบานมีความสุขมากจะปลอดโปร่งปีติก็เกิดความสุขก็เกิดเอกัคคตา คือ จิตจะไม่วอกแวก จิตรวมเพราะปกติจิตจะไม่รวม มันคิดนี่คิดนั่น จิตรวมจะหนักแน่นปลอดโปร่งแจ่มใสสามารถใช้จิตของเราได้ปกติไม่เป็นทาสของอย่างอื่น จากนั้นมันจะค่อยๆประณีตขึ้นละเอียดขึ้น จนถึงฌานที่๔ ก็จะเหลือแต่สติที่สมบูรณ์
ถาม ทำอย่างไรจึงจะหยุดคิดได้ คือ พอรู้ว่าคิดแล้วเรื่องที่คิดก็หยุด แต่ก็มีเรื่องใหม่มาให้คิดไปเรื่อยๆ เป็นร้อยเรื่อง
ตอบ จะดีกว่าถ้าเราไม่คิดว่าต้องหยุดคิด เพราะเรามักจะคิดในลักษณะ เช่น เรามีความทุกข์เรามักจะคิดว่าถ้าเราไม่คิดเราก็จะไม่ทุกข์ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น คือ ตราบใดที่เรายังขาดปัญญาขาดความเข้าใจในความเป็นจริงเราคิดก็เป็นทุกข์ เราไม่คิดก็ยังเป็นทุกข์อยู่ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสร้างสติปัญญาขึ้นมาในตัวเองให้ได้เพื่อเราจะได้เข้าใจลักษณะของการคิด อย่างที่หลวงพ่อชาเคยถามโยมว่า มีคนๆเดียวในโลกนี้ที่ไม่คิดรู้ไหมว่าคือใคร โยมก็ตอบกันว่าคงเป็นพระอรหันต์ บ้างก็ว่าเป็นพระพุทธเจ้าไหม ท่านก็ว่าไม่ใช่ๆ คำตอบคือ คนตาย คนตายแล้วเท่านั้นจึงจะไม่คิด ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลที่จะหยุดคิดแต่เราต้องหัดเข้าใจความคิดรู้จักโทษ รู้จักคุณของความคิด แม้แต่กรรมฐานบางอย่างก็อาศัยการคิด เช่น ในกรรมฐาน ๔๐ จะมีอนุสติ ๑๐ประการที่พพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์สรรเสริญ เช่น จาคานุสติ ระลึกถึงการให้ สีลานุสติ ระลึกถึงการรักษาศีลของเรา พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า โดยยกพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วคิดเรื่องพระพุทธองค์ในแง่มุมต่างๆ จะทำให้จิตใจสงบและปลอดโปร่ง นอกจากนี้ยังมี ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม สังฆานุสติ มรณสติ กายคตานุสติ ที่เราอาศัยการพิจารณาร่างกายและยกความคิดเรื่องกายขึ้นมามันเป็นอุบายที่ช่วยให้จิตใจสงบสงบ ไม่ได้แปลว่าไม่คิดแต่ว่าสงบ คือ ความคิดที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่เราความคิดที่ไม่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง อันนี้เป็นตัวสำคัญมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น