วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ถามตอบปัญหาธรรมะ

ถาม  ​ฌาน​๔​ คืออะไร​  ผู้ปฏิบัติมากๆ​แล้วไปติดอยู่ในฌาน​๔​  จะดูเหมือนคนที่มีจิตไม่ปกติหรือเปล่า​ต้องให้ครูบาอาจารย์แก้ไขหรือไม่

ตอบ​  ไม่ใช่ ​คือ​ ฌาน​๔  ​เป็นความสงบและความประณีตของจิตใจ​เป็นผลจากการทำสมาธ​ิจิตใจจะเยือกเย็น​ปลอดโปร่ง​หนักแน่นมาก  ​ไม่เป็นสิ่งที่ทำให้วิปริต​แต่มีบางคนที่พูดอวดว่า​ เขาได้ฌานนี้ฌานนั้น​แล้วเกิดวิปลาส​ไม่ใช่ว่าเขาได้ฌาน​๔  แล้วจึงวิปลาส คือ มันตรงกันข้ามคนมันวิปลาสมาก่อน วิปลาสจนแต่งฌาน​๔ ​ขึ้นมาเอง​ มันคิดคาดคะเนว่า​จะได้ฌานอย่างนี้ฌานอย่างโน้น  ​ก็เลยเป็นเรื่อง​พูดในลักษณะนี้​ ฌานเป็นความปกติของจิตใจ​เวลาทำจิตใจให้สงบ​ยิ่งสงบ​มันก็ยิ่งปกต​ิมันสบาย​ การได้ฌาน​เราก็ดูที่องค์ประกอบ​ องค์ประกอบของฌานท​ี่๑​ มี​ วิตก​ วิจาร​ ปีติ​ สุข ​เอกัคคตา ​ไม่มีนิวรณ​์๕ ​เข้ามาครอบงำคือ​จะไม่มีกามฉันทะหรือความพอใจในกาม​ ความรู้สึกโกรธหรือโมโห​ความง่วงเหงาหาวนอน​ความฟุ้งซ่าน​หรือ ความลังเลสงสัย​วิตก​  ในลักษณะนี้ไม่ใช่วิตกในภาษาไทย  ​มันเป็น​วิตก​ในภาษาบาลี​แปลว่า​ คิดแบบมีหลัก​สามารถตั้งจิตไว​้ยกขึ้นมาสู่จิตใจ​และ​วิจาร ​คือ ​การสังเกต​การพิจารณาในอารมณ์นั้น​ในสิ่งนั้น​ยกขึ้นมาไตร่ตรอง​ ลักษณะของฌานจะมีกุศลธรรมล้วนๆ​ไม่มีอกุศลเกิดขึ้น​  จิตจะเบิกบาน​มีความสุขมาก​จะปลอดโปร่ง​ปีติก็เกิด​ความสุขก็เกิด​เอกัคคตา ​คือ ​จิตจะไม่วอกแวก​ จิตรวม​เพราะปกติจิตจะไม่รวม​ มันคิดนี่คิดนั่น​ จิตรวม​จะหนักแน่น​ปลอดโปร่ง​แจ่มใส​สามารถใช้จิตของเราได้ปกติ​ไม่เป็นทาสของอย่างอื่น​  จากนั้น​มันจะค่อยๆ​ประณีตขึ้น​ละเอียดขึ้น ​จนถึงฌานที่​๔​ ก็จะเหลือแต่สติที่สมบูรณ์

ถาม​  ทำอย่างไรจึงจะหยุดคิดได​้ คือ ​พอรู้ว่าคิด​แล้วเรื่องที่คิดก็หยุด ​แต่ก็มีเรื่องใหม่มาให้คิดไปเรื่อยๆ​   เป็นร้อยเรื่อง​ 

ตอบ  ​จะดีกว่าถ้าเราไม่คิดว่า​ต้องหยุดคิด​ เพราะเรามักจะคิดในลักษณะ เช่น​ เรามีความทุกข​์เรามักจะคิดว่า​ถ้าเราไม่คิด​เราก็จะไม่ทุกข์​ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น​ คือ ​ตราบใดที่เรายังขาดปัญญา​ขาดความเข้าใจในความเป็นจริง​เราคิดก็เป็นทุกข์ ​เราไม่คิดก็ยังเป็นทุกข์อยู่​ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสร้างสติปัญญาขึ้นมาในตัวเองให้ได​้เพื่อเราจะได้เข้าใจลักษณะของการคิด อย่างที่หลวงพ่อชาเคยถามโยมว่า​ มีคนๆ​เดียวในโลกนี้ที่ไม่คิด​รู้ไหมว่าคือใคร​ โยมก็ตอบกันว่า​คงเป็นพระอรหันต์​ บ้างก็ว่าเป็นพระพุทธเจ้าไหม​ ท่านก็ว่าไม่ใช่ๆ​ คำตอบคือ​ คนตาย​ คนตายแล้วเท่านั้นจึงจะไม่คิด​ ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลที่จะหยุดคิด​แต่เราต้องหัดเข้าใจความคิด​รู้จักโทษ​ รู้จักคุณของความคิด​ แม้แต่กรรมฐานบางอย่างก็อาศัยการคิด​ เช่น​ ในกรรมฐาน​ ๔๐​ จะมีอนุสติ​ ๑๐​ประการที่พพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์สรรเสริญ เช่น ​จาคานุสติ​  ระลึกถึงการให้ ​ สีลานุสติ​ ระลึกถึงการรักษาศีลของเรา​ พุทธานุสติ​ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า​ โดยยกพระพุทธเจ้าขึ้นมา​ แล้วคิดเรื่องพระพุทธองค์ในแง่มุมต่างๆ​ จะทำให้จิตใจสงบและปลอดโปร่ง​ นอกจากนี้ยังมี ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม  สังฆานุสติ มรณสติ กายคตานุสติ​ ที่เราอาศัยการพิจารณาร่างกายและยกความคิดเรื่องกายขึ้นมา​มันเป็นอุบายที่ช่วยให้จิตใจสงบ​สงบ​ ไม่ได้แปลว่า​ไม่คิด​แต่ว่า​สงบ ​คือ ​ความคิดที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่เรา​ความคิดที่ไม่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง​  อันนี้เป็นตัวสำคัญมาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น