วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จะรีบไปไหน...จะรีบไปไหน

          เทคโนโลยีวิทยาการและการแข่งขันในทุกวันนี้ ได้ทำให้อะไรต่ออะไรรวดเร็วฉับพลันไปหมด สิ่งรอบตัวล้วนสวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผู้คน รถยนต์ ดนตรีและดอกเบี้ย แม้กระทั่งชีวิตของคนเราก็รวดเร็วตามไปด้วย ความเร็วกลายเป็นของดียิ่งเร็วยิ่งดี ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ต้องแข่งขันกับเวลา กาลเวลาจึงกลายเป็นศัตรูที่ต้องเอาชนะแทนที่จะเห็นเป็นมิตรผู้เอื้อเฟื้อและอุปการะ 
          คนแต่ก่อนแม้อายุจะสั้นมีเวลาอยู่ในโลกไม่นานนักเมื่อเทียบกับคนสมัยนี้ แต่ก็ไม่คิดที่จะเร่งรัดเวลาในทุกเรื่อง หากพร้อมที่จะรอคอยได้เพราะทุกอย่างไม่ว่าความรู้ ความสามารถ ความจัดเจน ความสำเร็จ ล้วนได้มาด้วยกาลเวลา เวลาที่ผ่านไปช่วยหล่อหลอมให้มีประสบการณ์แกร่งกล้าเท่าทันโลกและชีวิต และยังช่วยเกลาการงานให้ประณีตเป็นเลิศ เพราะกาลเวลามีคุณค่าเช่นนี้ คนแต่ก่อนจึงถือว่ากาลเวลาเป็นมิตรที่พร้อมจะเดินเคียงคู่ไปด้วยกันอย่างไม่รีบร้อน แต่ปรีชาญาณอย่างนี้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่ดูจะขาดกันโรคร่วมสมัยของคนทุกวันนี้คือ โรคใจร้อน เพราะคอยไม่เป็น ทำการงานอะไรก็ตามก็หวังจะให้เห็นผลโดยเร็ว ถ้าเป็นนักปฏิวัติพัฒนาก็ต้องการเห็นสังคมใหม่ในวันพรุ่งนี้ ถ้าเป็นนักธุรกิจก็คิดเริ่มต้น ด้วยงานชิ้นใหญ่ จะได้เห็นหน้าเห็นหลังไวๆ ส่วนนักปฏิบัติธรรมก็ชะเง้อหามรรคผลนิพพานวันแล้ววันเล่า ความที่ไม่รู้จักคอย ทำอะไรจะให้เห็นผลเร็วๆ งานจึงเป็นไปอย่างสุกเอาเผากินหาความเป็นเลิศไม่ได้ ที่คนจำนวนมากไม่รู้จักว่าตัวเองมีความสามารถตรงไหนก็เพราะเหตุนี้ พอทำงานไปได้สักหน่อยประสบ อุปสรรคหรือผลออกมาไม่ทันใจ ก็ทิ้งกลางคันเลยไม่รู้ว่างานนั้นเหมาะแก่ตัวเองหรือไม่เพียงใด และเพราะเหตุใด 
          การรู้จักคอยเห็นกาลเวลาเป็นเพื่อนร่วมทางเป็นเรื่องสำคัญทางพุทธศาสนา จึงมีพุทธภาษิตว่า ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา – ขันติเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง เห็นได้ว่าไม่เพียงแต่ความสำเร็จตามวิสัยชาวโลก แม้ความสำเร็จในทางโลกุตตระ ขันติ ซึ่งในแง่หนึ่งคือการรู้จักคอยนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แต่การรู้จักคอยในที่นี้มิได้หมายถึงปล่อยให้ทุกอย่างเลื่อนไหลไปตามบุญตามกรรม หากหมายถึงการทำงานมุ่งประกอบกิจสร้างเหตุปัจจัย โดยที่ผลจะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้นถือเป็นเรื่องของกาลเวลา ตราบใดที่ผลยังไม่ปรากฏก็ไม่ลดละความเพียรในการประกอบ เหตุปัจจัยแม้จะประสบอุปสรรค ขณะเดียวกันก็ไม่ร้อนรนกระวนกระวาย หรือเฝ้าครุ่นคิดถึงผลซึ่งยังไม่เกิดขึ้น ความใส่ใจทั้งหมดมาอยู่ที่การทำกิจให้ดีที่สุด การปักใจอยู่กับกิจเบื้องหน้าไม่ชะเง้อสอดส่ายหาผล ซึ่งเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนี้ ก็คือการอยู่กับปัจจุบันขณะ มุ่งที่เหตุมากกว่าผลพูดอย่างชาววัดก็ว่า ขันติต้องมีสติเป็นปัจจัยด้วย 
         การรู้จักคอยไม่ใช่เรื่องของผู้เฉื่อยเปื่อย หากเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับชีวิตที่ยุ่งเหยิงมากด้วยภารกิจ โดยเฉพาะชีวิตในเมืองซึ่งสภาวะแวดล้อมล้วนแต่สร้างความอึดอัดขัดเคืองใจ แม้กระทั่งการรอคอยรถเมล์หรือเจอรถติดก็ทำให้เราเป็นทุกข์คับข้องใจโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ก็เพราะเราคอยไม่เป็น 
       การรู้จักคอยสามารถเสริมสร้างขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เพียงการฝึกคอยรถเมล์ให้เป็นก็มีคุณค่าอย่างนึกไม่ถึง

ชมรมกัลยาณธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น