วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

แม้ผีห่าซาตาน ก็มีเหตุผลของมัน

          การพัฒนาจิตนั้นช่วยให้เหตุผลกับอารมณ์ สมดุลกันและเกื้อหนุนกัน ในยามที่เหตุผลรู้ว่า อะไรถูกอะไรผิด ใจก็คล้อยตาม สนับสนุน ทำให้ชวิตเดินหน้าไปตามทางที่ถูกต้อง ไม่เอาแต่ความถูกใจ  ถ้าใจคล้อยตามเหตุผลหรือความถูกต้องแล้ว ผลที่ได้อย่างหนึ่งคือ ทำแล้วมีความสุข   คือถูกต้องด้วยถูกใจด้วย   แต่ถ้าใจไม่คล้อยตามแล้ว บางคนอาจ ฝืนใจทำไปเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งถูกต้อง แต่ก็ทำด้วย ความทุกข์ เพราะใจไม่คล้อยตาม คอยบ่นงอแง คอยขัดขวาง ปัญหาแบบนี้จะไม่เกิดถ้าใจยินดี ในสิ่งที่ทำเพราะมีเมตตา มีสติ มีสมาธิ ทำให้มีความสุขเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันเวลาเหตุผลถูกครอบงำด้วยกิเลส นึกคิดไปในทางฉลาดแกมโกง หรือ “เฉโก” มีเหตุผลร้อยแปดสนับสนุนให้ไปในทางนั้น ถ้าใจได้รับการพัฒนา เช่น มีสติ ใจก็จะ รู้เท่าทัน สามารถระงับ ยับยั้ง หรือขัดขวางไม่ให้ทำตามเหตุผลแสนกลนั้นได้ เรียกว่าเป็นตัวถ่วงดุลไม่ให้ใช้เหตุผลในทางที่ผิด หรือทำตามเหตุผลที่ผิด   ประเด็นนี้สำคัญสำหรับคนสมัยนี้มาก เพราะคนสมัยนี้คิดเก่ง สามารถหาเหตุผลสนับสนุนการกระทำที่ไม่ดีหรือเป็นโทษได้ทั้งนั้น เช่น สนับสนุนให้ผิดศีล ยักยอก ฉ้อโกง เข้าหาอบายมุข หรือว่าขี้เกียจ หลายคนไม่ถึงกับทำอย่างนั้น แต่ก็อดทำสิ่งที่เป็นโทษแก่ตัวเองไม่ได้ เช่น ทุกวันนี้เรามี เหตุผลที่จะโกรธที่จะเกลียดใครต่อใครเยอะแยะไปหมด แล้ววางไม่ได้ด้วย ไม่เหมือนเด็กๆ พอเขารู้ว่าเขาโกรธเขาเกลียด เขาวางได้ง่าย อาตมาเจอเด็กหลายคนที่พอเขารู้ว่าตัวเองกำลังโกรธเกลียด  เขาวางได้ทันที แต่เวลาผู้ใหญ่โกรธเกลียดใครสักคน   มักจะมีเหตุผลมาสนับสนุนความโกรธ  ความเกลียดนั้น  เช่น เราต้องโกรธเขาเพราะว่า เขาเป็นคนไม่ดี เป็นคนเลว ต้องสั่งสอนเขาก็เลยโกรธนานวางไม่ได้เสียที  แต่ถ้าเรามีจิตที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความโกรธความเกลียดก็ครองใจเราได้ยาก  คนสมัยนี้จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาจิต  การพัฒนาอารมณ์เพื่อเป็นกำลังให้กับความคิดที่ดีงาม  ขณะเดียวกันก็สามารถจะทัดทานเหตุผลที่เป็นอุบายของกิเลสได้ อย่าไปเชื่อเหตุผลทีเดียวนัก  มีคนหนึ่งเขาพูดไว้ดีว่า “แม้แต่ผีห่าซาตาน มันก็มีเหตุผลของมัน”
          ถ้าเราอ่านพระไตรปิฎกโดยเฉพาะตอนที่เรียกว่า  มารสังยุต จะเห็นว่าอุบายอย่างหนึ่งของมารในการขัดขวางไม่ให้พุทธบริษททัง ๔   มีความเพียรในการปฏิบัติธรรม ก็คือการใช้เหตุผลชักจูง ให้ท่านเลิกปฏิบัติหรือทำสิ่งที่ควรทำ บางทีมารถึงกับล่อหลอกเกลี้ยกล่อมพระพุทธองค์ด้วยซ้ำ ตั้งแต่สมัยที่ยัง ไม่ได้ตรัสรู้ธรรม  เช่น  มาบอกพระองค์ว่า “ท่านประพฤติเมถุนวิรัติและบูชาไฟอยู่  ก็ได้ชื่อว่าสั่งสมบุญไว้มากแล้ว ท่านจะบำเพ็ญเพียรไปทำไม” บางทีก็มาชักชวนให้พระองค์เสด็จกลับไปครองราชสมบัติ  บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมภิกษุณี ผู้บำเพ็ญเพียรว่าท่านควรมุ่งไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์เถิด อย่ามุ่งนิพพานเลย หรือไม่ก็ล่อหลอกว่าท่านยังสาวอยู ควรไปมีคู่ครองเรือนบริโภคกามก่อน ต่อเมื่อแก่แล้วจึงค่อยมาบวช เรียกว่าได้ ประโยชน์ทั้งสองโลก คือได้เสพสุขทางโลกและ ได้ปฏิบัติธรรมในบั้นปลาย เหตุผลของมารล้วน น่าฟังทั้งนั้น แต่ถ้าหากว่าไม่มสติ ใจไม่มีพลัง ไม่มีความแน่วแน่ ก็สามารถคล้อยตามเหตุผลของมารนั้นได้ มีตัวอย่างมากมายที่หลงเชื่อเหตุผลของมาร เพราะฉะนั้นเราอย่าเชื่อเหตุผลไปเสียทุกเรือง พระพุทธองค์สอนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนในเรื่องกาลาม-สูตร เช่น “อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ หรืออย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล” แต่คนสมัยนี้จะเชื่่อเหตุผลมาก ศรัทธาในเหตุผลจนไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนาอารมณ์ ผลก็คือ  หลงเชื่อความคิดของตนหรือเหตุผลของกิเลสจน เข้ารกเข้าพงไปก็มาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น