พูดถึงเรื่องใจก็มีสมดุลอีกประเภทหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นคือ สมดุลระหว่างเหตุผลกับอารมณ์หรือพูดอุปมาเป็นภาพพจน์ว่า สมดุลระหว่างสมองกับหัวใจ เดียวนี้เราให้น้าหนักมากกับการใช้ความคิดหรือการใช้สมองให้เชี่ยวชาญ แต่เราละเลยการพัฒนาอารมณ์หรือการดูแลรักษาจิตใจ สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ก็คือเราคิดเก่งมีความรู้เยอะ รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำแต่ปรากฏว่าใจไม่นอมตาม หลายคนรู้ว่ากินเหล้าไม่ดี สูบบุหรี่เป็นโทษ แต่ทำไมเลิกไม่ได้ หรือว่าทำไมไม่ยอมเลิก คำตอบก็เพราะใจไม่เอาด้วย พูดอีกอย่าง หัวใจไม่คล้อยตามสมอง เด็กๆ ทุกคนก็รู้ว่าการขยันเรียนหนังสือ การขยันทำการบ้านเป็นของดี เด็กควรดู โทรทัศน์น้อยๆ ศึกษาค้นคว้ามากๆ แต่ทำไมเด็กจำนวนไม่นอยถึงทำไม่ได้ นั่นก็เพราะใจไม่ไป ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน เรารู้ว่าความโกรธไม่ดีเรารู้ว่าความโกรธบั่นทอนกัดกร่อนจิตใจ แต่ทำไมเราไม่เลิกโกรธ นั่นก็เพราะใจไม่เอาด้วย ใจยังหวงแหนยึดติดความโกรธอยู่ หลายคนรู้ทั้งรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ล้วนแต่ดีทั้งนั้น แต่ทำไม่ได้ หลายคนไตร่ตรองด้วยเหตุผลก็เชื่อว่าผีไม่มีจริงแต่ทำไมถึงกลัวผี ไม่กล้าไปอยู่ในที่มืด นั่นก็เพราะใจมันยังกลัวอยู่ลองสังเกตดู ทุกวันนี้เรารู้อะไรดีๆ เยอะเลยแต่เราทำไม่ได้เพราะว่าใจมันไม่ไป ใจไม่คล้อยตาม รู้ว่าปฏิบัติธรรมดีแต่วาเอาไว้วันหลังแล้วกัน ตอนนี้ใจยังอาลัยในความสุขจากทางโลก เห็นไหมมันมีความขัดแย้งกันระหว่างสมองกับหัวใจ สมองนั้นถ้าใช้เหตุผลหรือคิดถูกคิดเป็นก็สามารถรู้ได้ว่า อะไรคือความถูกต้อง แต่ถ้าอารมณ์หรือจิตใจไม่พัฒนาก็จะหันไปหาความถูกใจอย่างเดียว คนทุกวันนี้รู้ทั้งรู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง แต่ไม่ยอมทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือผัดผ่อนอยู่เรื่อย ก็เพราะยังเพลิดเพลินในสิ่งถูกใจอยู่ อาตมานึกถึงนักบุญคนหนึ่งของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกชื่อนักบุญออกัสติน
ตอนที่ เป็นหนุ่ม ออกัสตินยังไม่ได้บวช เป็นคนฉลาดมาก แต่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญหลงใหลในอิสตรี แม้จิตใจจะใฝ่มาทางพระเจ้า แต่ว่าไม่สามารถทำตามคำสอนของศาสดาได้ ออกัส ตินอยาก อุทิศตัว ให้พระเจ้า และรู้ว่าการถือเพศพรหมจรรย์เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยังห่วงความสุขในทางกามอยู่ คราวหนึ่งออกัสตินสวดอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “โปรดประทานชีวิตพรหมจรรย์และความไม่มักมากในกามคุณให้ลูกด้วย” แล้วท่านพูดต่อว่า “แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้” อันนี้แสดงว่าสมองกับหัวใจไม่ไปด้วยกัน เหตุผลบอกว่าพรหมจรรย์นั้นดี แต่ใจยังไม่คล้อยตาม เห็นไหมว่าถ้าใจเรายังไม่พัฒนา ถึงแม้เราจะคิดเก่ง รู้อะไรดีอะไรไม่ดี แต่ถ้าใจยังไม่มีการอบรมบ่มเพาะให้ดี ถึงจะคิดดีรู้ดีแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เราคงเคยได้ยินคนพูดว่า “ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้” คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น รู้ว่าอบายมุขไม่ดี แต่เลิกไม่ได้ ชีวิตจึงจมปลักอยู่ในอบายมุข พวกเราอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ปล่อยให้จิตใจจมปลักอยูในความโกรธ ความเกลียด หรือหลงใหลเพลิดเพลินในกาม ตรงนี้เองที่การพัฒนาจิตใจสำคัญมาก สมัยนี้เขาเรียกว่าการพัฒนาอารมณ์เพื่อให้โน้มเข้าหาความถูกต้อง ไม่ใช่เอาแต่ความถูกใจ เมื่อใช้เหตุผลหรือปัญญาไตร่ตรองจนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็สามารถตัดสินใจแน่วแน่ทำสิ่งถูก เว้นสิ่งผิดได้ จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องเห็นความสำคัญของสมดุลระหว่างสมองกับหัวใจ ระหว่างเหตุผลกับอารมณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น