วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การให้กับการรับ

          ความสมดุลไม่ได้มีประโยชน์แก่การดำเนิน ชีวิตเท่านั้น แต่เป็นพื้นฐานหรือเป็นสิ่ง
จำเป็นสำหรับ ชีวิตเลยทีเดียวก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น ชีวิตคนเราต้องมีความสมดุลระหว่างการรับกับการให้ พุทธ- ศาสนาเน้นความสำคัญของการให้ทาน ทานเป็น องค์ธรรมข้อแรกในการบำเพ็ญความดีที่เรียกว่าบุญกริยา และเป็นบารมีขอแรกของทศบารมีหรือบารมี ๑๐ ทั้งนี้เพราะ  ทานเป็นสิ่งพื้นฐานที่ช่วยให้ชีวิตเรามีความสมดุล ถ้าไม่รู้จักให้ทานแล้ว คนเราจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ขอให้สังเกต ตั้งแต่เกิด เราจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว คือรับจากแม่จากพ่อ จากญาติผู้ใหญ่ จากลุงป้าน้าอา ต่อมาก็รับความรู้จากครูบาอาจารย์ ยิ่งสมัยนี้เด็กจะเป็นฝ่ายรับ เสียมาก จนกระทั่งจำนวนไม่น้อยเลยลืมที่จะเป็น ผู้ให้ ชีวิตที่เอาแต่รับอย่างเดียวเป็นชีวิตที่ขาด สมดุลอย่างยิง และเป็นชีวตที่เจริญก้าวหน้าได้ยากที่จริงไม่มีใครในโลกนี้ที่มีชีวิตอยู่ได้หากเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว คนเราหายใจเข้าแล้วก็ต้องหายใจออกหายใจเข้ารับเอาอากาศเข้ามา แต่ไม่ยอมหายใจ ออกเลยจะเป็นอย่างไร ห้วยน้ำหรือบ่อน้ำที่เอาแต่รับน้ำอย่างเดียว แตไม่ระบายหรือถ่ายเทให้ใคร เลย จะเกิดอะไรขึ้น ก็กลายเป็นน้ำเน่าในที่สุด แหล่งน้ำสะอาดก็เพราะว่าไม่ได้เป็นฝ่ายรับอย่าง เดียว แต่รู้จักให้หรือถ่ายเทให้แก่ที่อื่นด้วย จึงมี น้ำสะอาดใช้สอยได้ ไม่เป็นโทษ  ยิงน้ำตกด้วยแล้วทำไมถึงสวยงาม ก็เพราะว่าไม่ได้รับอย่างเดียว แต่ให้ด้วย
           ธรรมชาติงดงามได้ เพราะมีความสมดุล ระหว่างการรับกับการให้ ดูต้นไม้เป็นตัวอย่าง 
ตอนที่ยังเป็นต้นกล้าก็ดูดเอาน้ำเอาปุ๋ยจากดิน ในเวลาเดียวกันก็คายน้ำให้กับโลก ทิ้งกิ่งทิ้งใบ
ให้ เป็นปุ๋ยกลับคืนสู่พื้นดิน เมื่อโตขึ้นก็ยังแผ่กิ่งก้าน สาขาให้ดอกผลเพื่อเป็นประโยชน์แก่สรรพสัตว์ หลังจากทีเป็นฝ่ายรับมานาน อันนี้เป็นคุณสมบัติหรือกฎเกณฑ์พื้นฐานของทุกชีวิต ทุกชีวิตต้องมี คุณสมบัติข้อนี้ถึงจะอยู่รอดและเจริญงอกงามได้ มนุษย์ก็เช่นกันต้องมีสมดุลระหว่างรับกับให้ แต่ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอย่างขาดสมดุลมาก จึงเต็มไป ด้วยปัญหาทีลุกลามจนเป็นวิกฤต ทั้งในระดับโลกและในระดับชีวิต
          ปัจจุบันนีคนจำนวนไม่นอยเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ไม่ให้ใครเลย แต่ถ้าเราพยายามเป็นฝ่ายให้ ด้วยการบำเพ็ญทาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ทานกับพระ แม้การให้ทานกับฆราวาส หรือให้ทานกับคน ทีเดือดร้อนก็ช่วยให้เกิดสมดุลในชีวิตได้ ถ้าหากว่าชีวิตของเรามีแต่รับหรือรับมากกว่าให้ก็แสดงว่า ขาดสมดุลแล้วตั้งแต่แรก ต้องปรับตัวมาเป็นผู้ให้ หรือบำเพ็ญทานมากขึ้น โดยเฉพาะลูกหลานของเราต้องสอนให้เขาเป็นผูให้มากขึ้น ไม่เช่นนันเขาจะเป็นคนที่มีแต่ความทุกข์ เพราะชีวิตที่เอาแต่รับไม่รู้จักให้เลย เป็นชีวตที่ไม่รู้จักคำว่าพอ คุณภาพจิตจะตกต่ำเหมือนกับแหล่งน้ำที่เอาแต่รับไม่รู้จักให้ จึงเต็มไปด้วยน้ำเน่า เด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักให้เลยจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว มีชีวิตที่ว่างเปล่าไร้คณค่า อีกทั้งตัวเองก็จะเป็นคนทุกข์ง่าย เพราะว่าจิตที่ คิดแต่จะเอานั้นเป็นจิตทีมความสุขได้ยาก เพราะได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ได้แล้วก็ยังอยากได้อีกไม่รู้จักจบ ไม่รู้จักสิ้น เพราะถูกอบรมบ่มเพาะมาอย่างนัน แต่ถ้าเรารู้จักให้ เริ่มต้นด้วยการให้วัตถุสิ่งของ ต่อไปก็ให้สิ่งอื่น เช่น ให้เวลา ให้สติปัญญา ก็จะช่วยให้มีชีวิตสมดุล กลายเป็นคนที่มีความสุขง่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น