ถาม สักกายทิฏฐิ คืออะไร มีวิธีขจัดอย่างไร
ตอบ สักกายทิฏฐิ เป็นการสำคัญมั่นหมายว่าเรามีตัวตนเป็นความหลงในความรู้สึกต่อตัวตน เช่น สำคัญมั่นหมายว่า เราเป็นรูปรูปเป็นเรา เมื่อเราได้หมายเอาว่ามีตัวตน มันก็ต้องอาศัย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพื่อจะได้มีความรู้สึกต่อตัวตนความสำคัญมั่นหมายนี้เรียกว่า สักกาย ทิฏฐิ คือ มีทิฏฐิ ความเห็นว่าตัวตนอยู่ตรงนี้อย่างนี้ๆ จะขจัดสักกายทิฏฐิอย่างไร ก็อย่างที่เราสวดมนต์ตอนเช้าภาราหะเวปัญจัก ขันธา คือ เห็นว่าขันธ์๕ เป็นของหนักเห็นเป็นของที่ถ้าต้องแบกไว้จะทำให้เราทุกข์ทรมานเพราะการยึดไว้ซึ่งสิ่งที่คิดว่าเป็นเราคือร่างกายนี้จิตใจนี้ ส่วนการขจัดนั้นมีคำศัพท์หนึ่งที่ใช ้คือ สละคืน คือเราคืนให้ธรรมชาติเพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนเป็นลักษณะของธรรมชาติ หากเรายึดเอาไว้เป็นของเรา เพราะอย่างนี้แหละหลวงพ่อพุทธทาสจึงว่า มนุษย์เรามันขี้ขโมยแล้วเราก็ได้ รับโทษสมกับการเป็นคนขี้ขโมย คือ ต้องเป็นทุกข์ แล้วเราขโมยอะไร เราขโมยรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเป็นของธรรมชาติเรากลับว่ามันเป็นของๆเรา เราจึงเป็นโจรนิสัยไม่ดี จะขจัดสักกายทิฏฐิแทนที่จะยึดไว้เป็นของเราเราต้องพร้อมที่จะสละคืนให้ธรรมชาติ แล้วธรรมชาติมันเป็นอย่างไรมันก็เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเราปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการของเหตุปัจจัย มันไม่ใช่ว่าไม่มีมันมีแต่เราต้องรู้จักใช้รู้จักทำให้เป็นประโยชน์กับเรา
ถาม สักกายทิฏฐ ิกับ อัตตา เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่
ตอบ ไม่สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่ามีตัวตนอยู่ในร่างกายนี้จิตใจนี้ อัตตาเป็นเรื่องสมมติ สมมติว่ามีตัวมีตนอัตตาเป็นสิ่งที่ไม่มีสาระไม่มีที่ตั้ง
ถาม วิธีขจัดอัตตาทำอย่างไร
ตอบ ก็ไม่ต้องขจัด เพราะว่ามันไม่มี มันก็ง่ายดี หมดความคคิดผิด มันก็หมดเรื่อง
ถาม มีชาวต่างชาติ (ชาติเดียวกับท่านอาจารย์) ตั้งคำถามว่า ที่เรามาปฏิบัติธรรมกันเป็นหมู่คณะเช่นนี้ ทำเพื่อตนเองและครอบครัวเท่านั้นหรือ ทำอย่างไรจะเผื่อแผ่ไปยังคนหมู่มากให้ถึงคนจำนวนมากๆจริงๆท้ังที่เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนา สำคัญแห่งหนึ่งในโลก ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้คำตอบด้วย
ตอบ ดี ให้ถามเขากลับว่า เขาเองทำอะไรเพื่อคนหมู่มากบ้าง อย่างไรมันก็จะเป็นคำถามของคนที่สงสัยตัวเอง อาตมาจึงให้ตั้งข้อสงสัยว่าเขาทำอะไรบ้าง การถามกลับนี่เป็นการตอบในลักษณะหนึ่ง หรือเรายกตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สนับสนุนอยู่ตลอดว่า เราต้องทำประโยชน์ตนและทำประโยชน์ให้ผู้อื่นถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น