วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความสมดุลเป็นสิ่งจำเป็น

          ทุกท่านย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าในการเดินนั้น  เราต้องอาศัยขาทั้งสองข้าง 
แต่เท่านั้นไม่พอ เราต้องรู้จักทรงตัวให้สมดุลบนขาทั้งสองข้าง จึงจะสามารถ
เดินได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ถ้าเรามีขาเพียงข้างเดียวก็คงเดินได้ยาก 
แต่แม้มีขาทั้งสองข้างแล้วก็ยังต้องเลี้ยงตัวให้พอดีจะเดินช้าหรือเดินเร็วก็แล้ว
แต่การทรงตัวให้สมดุลบนขาทั้งสองข้างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินบนเส้นทาง
ยาวไกล ฉันใดก็ฉันนั้น ในการดำเนินชีวิตบนทางสายกลาง ความสมดุลเป็นสิ่งจำเป็นมาก 
นั่นคือ  สมดุลระหว่างสิ่งสองสิ่งที่ล้วนมีค่ามีความสำคัญ  เช่น ความสมดุลระหว่าง
ปริยัติกบัปฏิบัติ  ถ้าเรามีความรู้ในทางปริยัติแต่ไม่มีการปฏิบัติ ก็ยากที่จะ  ดำเนินชีวิต
บนทางสายกลางได้อย่างยั่งยืนจนถึง เป้าหมาย
          ในทำนองเดียวกันถ้าเราเอาแต่ปฏิบัติแต่ไม่มีความรู้ด้านปริยัติเลย ก็ไมต่างกับ
การเดินด้วยขาข้างเดียว  ย่อมยากจะถึงเป้าหมายได้เพราะต้องเดินกะโผลกกะเผลก 
นักปฏิบัติจึงต้องมีความรู้ด้านปริยัติด้วย เช่น รู้ว่าอริยสัจ ๔ คืออะไร จะต้องปฏิบัติหรือเกี่ยวข้อง
กับอริยสัจแต่ละข้ออย่างไร  เป็นต้น  แต่ถึงแม้จะมีความรู้ด้านปริยัติเป็นพื้นฐานแล้ว
ก็ใช่ว่าจะพอแค่นั้น ยังมีสิ่งอื่นที่ต้องคำนึง  เพื่อจัดให้มีความสมดุล เช่น ในการปฏิบัติธรรม 
เราก็ต้องมีสมดุลระหว่างสมถะกับวิปัสสนา คือ 
          ถ้าจะเจริญวิปัสสนาก็ต้องมีสัมถะเป็นพื้นเืพื่อให้จิตมีสมาธิสำหรับพิจารณาให้เกิดปัญญา 
หากเจริญวิปัสสนาโดยทิ้งสมถะ ก็ยากที่สำเร็่่่จ  แต่ถ้าเอาแต่เจริญสมถะโดยไม่สนใจวิปัสสนา 
ก็ไม่เกิดปัญญาจนเข้าถึงสัจธรรมได้  เราตอ้งมีทั้งสมถะและวิปัสสนาอย่างได้ดุลกัน 
การปฏิบัติธรรมจึงจะได้ผลนำไปสู่การพ้นทุกข์
          ถ้าเราสังเกตดูพระพุทธองค์ทรงเน้นเรื่องความพอดีหรือความสมดลุมาก 
อันนี่เป็นคนละส่วนกับเรื่องทางสายกลาง ทางสายกลางนั้นเราต้อง  ดำเนินอยู่แล้ว
แต่จะดำเนินอย่างไรให้ถึงเป้าหมาย   ก็ต้องอาศัยความสมดุลระหว่างปริยัติกับปฏิบัติ
สมดุลระหว่างสมาธิกับวิปัสสนา เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น