จริงหรือ ถ้าพูดไม่ดี พูดเป็นลางร้าย จะดึงอัปมงคลเข้าตัว หรือ
ทำให้ประสบเคราะห์ร้าย?
ถามตัวเองว่า เคยเจอไหม คำพูดที่ยกจิตขึ้นสูง ทำให้ใจสว่างโพลง
แล้วบ่อยแค่ไหนที่คุณเจอคำพูดที่กดให้จิตตก ทำให้ใจมืดหม่นได้
เฉียบพลัน?
จากประสบการณ์ตรงของทุกคน ทำให้เห็นตรงกันได้ว่า คำพูด
สว่างๆมีจริง และคำพูดมืดๆก็มีจริง คำถามที่เหลือคือ แค่พูด แค่ลมปาก
จะดึงมงคลหรืออัปมงคลเข้าตัวได้จริงหรือ?
การพูดถ้อยคำร้ายๆแค่ครั้งสองครั้งก็คงไม่เท่าไร เปรียบเหมือน
โปรยละอองเกสรดอกไม้พิษขนาดเล็กเข้าที่แคบจำกัด ไม่มีผลให้ตัวเอง
หรือผู้รับเกิดอันตรายเท่าใดนัก
แต่หากถ้อยคำมืดๆหลุดจากปากเป็นประจำกระทั่งกลายเป็น ‘วิธี
พูด’ หรือ ‘นิสัยทางการพูด’ อันเป็นบาป เป็นของร้าย จะเหมือนสร้าง
เกสรมีพิษขนาดใหญ่ พร้อมพ่นให้กระจายสู่อากาศกว้าง เป็นอันตรายทั้ง
กับตัวเองและคนอื่นได้มาก
คนที่ ‘พูดมืดๆ’ เป็นประจำ จะก่อความรู้สึกซวยๆขึ้นกับตัว และ
คนที่ใกล้ชิดสามารถรู้สึกได้ ไม่ใช่อุปาทาน เพราะเมื่อกระแสความมืดเข้า
ห่อหุ้มตัวเต็มที่ ก็ดึงดูดอัปมงคลทั้งหลายเข้ามาหาได้ไม่จำกัด เช่น ชะตา
กำลังดีๆ ก็เหมือนมีอะไรมาแกล้งให้เสีย หรือถ้าชะตากำลังไม่ดี ก็ยิ่ง
เหมือนซวยซ้ำซวยซ้อนเข้าไปอีก
บางคนสะสมวาจาอันเป็นพิษไว้มาก แม้พูดธรรมดา แต่คนอื่นกลับ
รู้สึกเหมือนโดนปีศาจสาปแช่ง หรืออย่างน้อยก็ขัดอกขัดใจกับน้ำเสียง
ระคายโสต ฟังกี่ทีก็รู้สึกเหมือนคำพูดไม่เข้าหูอยู่ตลอด
แก้นิสัยพูดสร้างหลุมดำทางอารมณ์
คนเราเริ่มอยากพูดร้ายๆกันตอนไหน? ส่วนใหญ่จะพร่ำพูดร้ายๆ
เพราะเจอเรื่องร้ายๆ เกิดความอึดอัด อยากบ่น อยากระบาย
ในนามของความอึดอัด อยากบ่น อยากระบาย ไม่ได้ระบายแล้ว
อกจะระเบิด หรือเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก คนเรามักเห็นเหมือน
เป็นเรื่องชอบธรรมที่จะพ่นพิษด้วยปาก หรือนึกว่าเป็นเรื่องดีถ้าจะสวด
บทอัปมงคลใส่ชีวิตตน น้อยใจกำเนิดแล้วตัดพ้อต่อว่าพ่อแม่ตัวเอง น้อยใจ
วาสนาแล้วก่นด่าฟ้าดิน หรือน้อยใจพระที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่ได้ก็ติเตียน
พระสงฆ์องค์เจ้าแบบสาดเสียเทเสีย อะไรประมาณนั้น
เมื่อพ่นพิษ หรือร่ายคาถาอัปมงคลใส่ตัว เรื่องแย่จึงยิ่งดูแย่เข้าไป
อีก ตอนเห็นคนพูดร้ายๆแบบหน้ามืดตามัว คุณจะรู้สึกเหมือนเขากำลัง
สร้าง หลุมดำ ขึ้นที่ใจกลางชีวิตตนเอง จิตดิ้นหนีให้หลุดรอดจากหล่ม
ความมืดขนาดใหญ่นั้นยาก ต้องฝังจมอยู่ในสภาพอับแสงปัญญา อับแสง
กุศลอยู่อย่างนั้น
เมื่อประสบเคราะห์ ทางที่ถูก สิ่งที่พึงทำ ควรเป็นการฝึกพูดบวก
การฝึกพูดเป็นบวกไม่ได้มีผลทางจิตวิทยาแค่ให้รู้สึกดี แต่ยังมีพลัง
มหัศจรรย์เปลี่ยนชีวิตชนิดที่คิดไม่ถึงได้ด้วย
ขั้นแรกของการฝึกพูดบวก ไม่ใช่แกล้งพูดดี หรือฝืนทำเป็นใช้คำ
สวยๆ แต่เป็นการคิด เป็นการเห็นให้ได้ว่า แง่ดีมีอยู่ตรงไหนในโชคร้าย
ไม่ใช่สักแต่ปลอบตัวเอง หรือหาคำปลอบหลอกๆจากคนอื่น ยกตัวอย่าง
เช่น
เสียหาย จะได้ฝึกฝีมือ หัดแก้ไขให้ ‘หายเสีย’
เสียความรู้สึกกับคน อย่างน้อยก็ขอให้ฉลาดขึ้น จาก
การรู้จักมองคนได้ อ่านคนออกกับเขาบ้าง
พลาดล้ม จะได้ฝึกลุก สั่งสมความแข็งแกร่งขึ้น ดีกว่าไม่ล้ม
แล้วอ่อนแอเท่าเดิม
ถูกใส่ร้าย จะได้มีโอกาสรู้จักอดทนใช้ ‘ตัวจริง’ และ ‘เวลา’
เป็นเครื่องพิสูจน์
เลิกคบ แล้วจะได้ฝึกคืนสิ่งที่ไม่ใช่ของเราให้กับธรรมชาติ
ฯลฯ
แง่ดีที่คิดได้ไว้ในใจ จะก่อให้เกิดวิธีเลือกคำพูดดีๆตามมาเอง ไม่
ต้องพยายาม ไม่ต้องฝืนกันมากนัก
ยิ่งได้แง่คิดที่ดี เป็นชนวนให้พูดดีบ่อยขึ้นเท่าไร ใจคุณจะค่อยๆ
สัมผัสกับ หลมุ ขาว ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น ณ ใจกลางชีวิต โดยนิมิตหมาย
แรกๆอาจมาในรูปของความคิดที่แปลกเปลี่ยนไป พอเกิดเรื่องขึ้นมา จะ
เหมือนคิดดีได้ออกก่อนคิดร้าย แล้วอยากพูดในทางสร้างสรรค์ ในทาง
ให้กำลังใจหมู่คณะ หรืออย่างน้อยในทางยืนยันกับตนเองว่าไม่เป็นไร
ไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินจะรับ แทนการคิดร้ายก่อนคิดดี แทนการพูดในทาง
ทำลาย ในทางบั่นทอนกำลังใจ หรือในทางทำให้ตัวเองใจฝ่อ คิดถึงแต่
อะไรแย่ๆ อยากยอมแพ้อยู่ตลอด
เมื่อทราบด้วยใจว่า พลังของหลุมขาวอันเกิดจากการสั่งสมคำพูด
ดีๆมีจริง คุณจะเกิดกำลังใจที่จะคิดดีพูดดียิ่งๆขึ้น ตลอดจนเริ่มประจักษ์
ว่าคำพูดของคุณมี ‘อิทธิพลทางใจ’ กับตนเองและผู้อื่นอย่างชัดแจ้ง เช่น
เมื่อใครกำลังห่อเหี่ยว คุณแค่เลือกคำพูดดีๆส่งเข้าหูเขาด้วยน้ำใสใจจริง
ยิ่งพูดอาจยิ่งรู้สึกถึงความสว่างจากกลางใจ ที่ค่อยแผ่ไปกระทบตัวเขาเข้ม
ข้นขึ้นเรื่อยๆ คุณรู้สึกได้ว่าช่วยให้เขาเกิดกำลังใจ สดชื่นตื่นเต็มมากขึ้น
เรื่อยๆ
เมื่อเห็นผลทางใจในทางขาวบ่อยๆ กระทั่งแน่ใจว่าหลุมขาวอันเกิด
จากการพูดดีมีอยู่จริง ดึงดูดใจตัวเองและคนอื่นเข้าหาแสงสว่างได้จริง ถึง
ตรงนั้น แม้คุณพูดธรรมดา คนอื่นก็รู้สึกเหมือนเทวดาประทานพรได้ แล้ว
หลุมขาวก็จะคอยดึงดูดผู้คนดีๆ เหตุการณ์ดีๆมาเข้าตัวทุกวัน หรือถึงแม้
วิบากมืดอันเกิดจากบาปเก่าคอยดักเล่นงานอยู่ ก็จะเหมือนมีบอดี้การ์ด
มี รปภ. คอยคุ้มกัน ไม่ให้ได้รับอันตรายถนัดนัก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น