วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แก้โรคย้ำคิดย้ำทำ

          น่าสังเกตว่า นิสัยย้ำคิดย้ำพูด นิสัยขุดเรื่องเก่าขึ้นมากวนน้ำให้ข่นุ
และนิสัยซ้ำเติมตัวเองให้รู้สึกแย่คูณสองหรือคูณสิบ จะมาจากต้นเหตุ
เดียวกัน คือ วิธีคิดวน วิธีคิดแบบไม่มีเป้าหมาย
          มนุษย์เราเกลียดการซ้ำเติม เกลียดการเหยียดหยามด้วยถ้อยคำ
ดูถูก แต่แปลกที่โดนซ้ำเติมและดูถูกบ่อยที่สุด ก็ด้วยความรู้สึกนึกคิดของ
ตัวเอง!
          และเมื่อซ้ำเติมตัวเองได้ ก็ซ้ำเติมคนอื่นได้ย้ำคิดย้ำพูดได้ ขุดเรื่อง
เก่ามาเล่าใหม่ได้ไม่มีที่สิ้นสุด
          เรื่องน่าเศร้าที่สุด คือการถอนจิตจากวังวนอารมณ์เศร้าไม่ได้
เพราะไม่เคยฝึก ไม่มีใครสอน มัวแต่ฝึก มัวแต่อบรมกันแค่เรื่องนอกตัว
เรื่องในใจแทบไม่มีใครสน จะสนอีกทีคือต้องเยียวยากันยากเย็นแล้ว
          ก่อนอื่นต้องเข้าใจให้ได้ว่า ที่จิตคิดวกวน ก็เพราะไม่มีเป้าหมาย
ดีๆให้มุ่งคิดตามลำดับ และที่จิตถอนตัวเองออกมาจากความเศร้าไม่ได้
ก็เพราะไม่มีอารมณ์น่าชื่นใจมาแทนที่
          เมื่อเข้าใจตรงกันเช่นนี้ สิ่งที่ทำได้ทันที ก็คือหาอะไรที่คลี่คลาย
ความวกวน ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ชุ่มชื่นใจไปด้วย
          ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแม้ในทางจิตเวชระดับโลกว่า การสวดมนต์
เป็นวิธีที่ได้ผลดี ได้ผลเร็ว กับทั้งลงทุนน้อย ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารดีๆ เกิด
ความรู้สึกชุ่มชื่น คลายปมเครียด สมองได้ตั้งหลักใหม่ให้คิดน้อยลง และมี
ความเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
          ในทางพุทธ บทสวดที่ดี บทสวดที่เย็น บทสวดที่เป็นหลักใจให้ตั้งต้นคิด
ใหม่ด้วยแสงสว่างได้ คือบทสวดที่ชวนใจให้สละความโลภ ความคิดเอาเข้าตัว
หรือความเห็นแก่ตัวที่เกาะกินใจเหนียวแน่นได้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าบทสวด
อิติปิโส อันเป็นบทที่ไม่ได้สอนให้คาดหวัง ไม่ได้สอนให้วอนขอ มีแต่จะให้
สรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่าเดียว ผู้ที่สวดเป็น จึงประจักษ์ประสบการณ์ทาง
ธรรมชาติที่ว่า ยิ่งให้ไป ยิ่งได้มา
          การสวดมนต์ช้า ชัด เปล่งเต็มปากเต็มคำ โดยมีเป้าหมายแค่จะ
ถวายแก้วเสียงเป็นเครื่องบูชา สามารถทำจิตให้เปลี่ยนไปในเวลาอันสั้น
เพราะเมื่อเล็งชัดว่าคุณจะ ‘ถวายแก้วเสียง’ จิตย่อมเล็งที่การสวดและการ
เปล่งเสียงอยู่ มีเป้าหมายชัดเจนให้จิตอยู่
          เมื่อจิตมีสมาธิกับการสรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ความสว่างเย็น และ
ความชุ่มชื่นอันศักดิ์สิทธิ์ย่อมบังเกิด สามารถสังเกตได้ว่า จบการสวดหนึ่ง
รอบ สุขมากขึ้นนิดหนึ่ง หรือสุขน้อยลงหน่อยหนึ่งกว่ารอบก่อน
          แปลกแต่จริง แม้การเห็นความไม่เที่ยงของความสุข ก็จัดเป็นความ
สุขที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายๆ เพราะสุขชนิดนั้น เป็นความสุขอันเกิดจากการได้
อิสรภาพ เลิกยึดมั่นว่าจะต้องสุขหรือทุกข์ตลอดไป
          สรุปคือ ถ้าสวดมนต์เป็น คุณจะมีช่วงเว้นวรรคจากอาการย้ำคิดย้ำทำ
คือมีเป้าหมายอันชุ่มชื่นชัดเจนอยู่ในปัจจุบัน เลิกขุดเรื่องอดีตมาพล่ามบ่นได้
เลิกทำร้ายจิตใจตัวเองด้วยความคิดพายเรือในอ่างได้ และมีสิทธิ์กลายเป็น
นิสัยถาวร หากนำไปต่อยอดเป็นชีวิตประจำวันที่มีเป้าหมายอันชุ่มชื่นทาง
อารมณ์ด้วย!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น