ถ้าคุณไม่พอใจใครบางคน นั่นนับเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่พอใจได้
ทุกคน เอาแต่หงุดหงิดที่เห็นแต่ข้อเสียของใครต่อใครไปหมด อันนั้นนับ
เป็นเรื่องผิดปกติ
การเห็นแต่ข้อเสียของคนอื่นนั่นแหละ ข้อเสียอย่างหนักของคุณ!
เห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น
จนไม่เห็นข้อเสียของตน
ที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์ได้เรื่อยๆ
และยากที่จะทำตัวให้ใครเป็นสุขได้นานๆ
ทุกคนมีข้อเสีย หรือมีจุดไม่น่าชอบใจสำหรับคุณอยู่แน่ๆ ไม่ต้อง
พยายามหาก็เห็นได้ในเวลาไม่นาน คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ได้
ถ้าเอาคนรอบข้างมายืนเรียงหน้ากระดาน แล้วให้ระบุว่าแต่ละคน
มีข้อเสียอันใดบ้าง ยิ่งชี้ คุณจะยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นทุกที ราวกับใครเอาไฟ
มาสุมอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ร้ายสุด คือถ้าเอาตัวคุณเข้ายืนรวมอยู่ด้วย แล้วให้สารภาพตรงๆ
ว่าไม่ชอบอะไรในตัวเองบ้าง คุณจะหมดความสุขในชีวิตทันที เพราะรู้สึก
ว่าชีวิตเต็มไปด้วยทุกข์ร้อนเกินจะรับได้ไหวอีกต่อไป
ดูเหมือนไม่น่าจะมีใครบ้าพอ ที่จะคิดเกณฑ์คนรอบข้างมายืนหน้า
กระดานชี้โทษ แต่นั่นแหละ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในจิตของหลายๆคน!
เมื่อไวต่อการเห็นข้อเสียของใครต่อใครรอบข้าง วันๆจะเหมือนคุณ
จับเอาคนรอบข้างมายืนเรียงอยู่ในใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกองไฟมาสุม
รุมอยู่ในอก เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
คุณไม่อาจหลอกตัวเอง สมมุติภาพในใจ เปลี่ยนไฟให้เป็นน้ำ ไม่
อาจแกล้งมองข้อดี ทั้งที่ใจยังมีความยึดติดอยู่กับข้อเสียของคน ดังนั้น ถ้า
หัดตั้งคำถามดีๆให้ถูก เพื่อให้ได้มุมมองตามจริง ใจคุณจะค่อยรู้สึกดีขึ้น
มาได้จริงบ้าง
บางทีคุณจำเป็นต้องมีเช็กลิสต์ส่วนตัวเอาไว้ท่องให้ขึ้นใจ ตกลงกับ
ตัวเองว่า แค่ไหนถึงรับได้ แค่ไหนถึงพอใจ เช่น
เขาทำหน้าที่ของตัวเองอยู่หรือเปล่า?
เขาให้สิ่งที่คุณต้องการบ้างหรือเปล่า?
เขา ‘จงใจ’ ทำให้คุณเดือดเนื้อร้อนใจหรือเปล่า?
แน่นอน! มีใครบางคนจงใจให้คุณเดือดร้อนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน
และแม้แต่คนที่เลวที่สุดในชีวิต ก็ช่วยให้คุณได้เรียนรู้ว่า ชีวิตเป็นอย่างนี้
ทุกคนต้องเจออย่างนี้ และผ่านอะไรอย่างนี้ให้ได้ ถ้าผ่านได้สำเร็จโดยดี
ใจก็จะเข้มแข็งอยู่ในกุศลธรรม
การช่วยเป็นแบบทดสอบให้คุณนั่นแหละ ถือเป็นข้อดีอันน้อยนิด
ที่มีเขาอยู่ก็ได้ ไม่มีเขา คุณจะเอาอะไรฝึก?
ยิ่งสะสมข้อดีของคนรอบตัวได้มากเท่าไร น้ำเย็นก็จะเหมือนยิ่งเอ่อ
ขึ้นมาในใจมากขึ้นเท่านั้น!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น