วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

แก้นิสัยมองโลกในแง่ร้าย

          เตรียมใจรับเรื่องร้าย กับมองโลกในแง่ร้าย ต่างกันอย่างไร?
     เตรียมใจรับเรื่องร้าย ถ้าเตรียมจริง คุณจะลงมือทำอะไร
บางอย่างเพื่อให้ใจเย็นลง กลัวล่วงหน้าน้อยลง เกลียดล่วงหน้าน้อยลง และ
เมื่อเกิดเรื่องจริง ระดับโทสะจะน้อย รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสติ ไม่ใช่โต้ตอบ
ด้วยความเกลียดหรือความกลัว
     มองโลกในแง่ร้าย ถ้าร้ายจริง คุณจะไม่ลงมือทำอะไร
มากกว่าพล่ามบ่นให้ใจร้อนขึ้น เป็นเหตุให้กลัวล่วงหน้ามากขึ้น เกลียด
ล่วงหน้ามากขึ้น และเมื่อเกิดเรื่องจริง ระดับโทสะจะทวีตัวเข้มข้น แล้ว
ตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอาการอาละวาดขาดสติ หรือถูกครอบงำอยู่ด้วย
เงามืดแห่งความเกลียดและความกลัว ทำให้สถานการณ์แย่ๆ ยิ่งย่ำแย่ลง
ไปอีก
     โลกนี้มี ‘เรื่องร้าย’ เกิดขึ้นบ่อยจริงๆ แล้วก็มี ‘แง่ร้าย’ ให้มอง
มากมาย แต่ถ้าฝึกจิตให้พร้อมจะเห็นแง่ดี เท่ากับคุณเกิดมาเพื่อเปลี่ยน
เรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี หรืออย่างน้อยก็จะต้องมีแง่ดีมากมายถูกค้น
พบโดยคุณ
     อย่างไรก็ตาม ‘การมองแง่ดี’ กับ ‘การฝืนใจแกล้งคิดให้เป็นบวก’
นั้นแตกต่างกัน แง่ดีคือความจริงในแง่ที่มีอยู่ให้มอง ส่วนการฝืนใจแกล้ง
คิดให้เป็นบวกนั้น คือการหลอกตัวเอง ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะ
ในที่สุดเมื่ออาการฝืนคิดหายไป ความจริงแย่ๆย่อมปรากฏ เข้าทำนอง
น้ำลดตอผุด
     จุดสังเกตทางใจมีอยู่ง่ายๆ ถ้าคุณต้องฝืน ถ้ารู้สึกฝืด หรือต้อง
ออกแรงพยายามอย่างมากเพื่อจะให้เห็นแง่ดี อันนั้นให้สันนิษฐานไว้เลย
ว่า คุณกำลังหลอกตัวเองให้เห็นแง่ที่ไม่มีอยู่จริง ไม่ใช่มองแง่ดีที่มีอยู่
ตรงหน้า
     วิธิฝีกมองโลกในแง่ดีที่ได้ผลจริง คือ เห็นทุกการสูญเสีย หรือ ความ
เสียหายเป็นแบบฝึกหัด ให้ถามตัวเองว่า  “คราวนี้ได้อะไรมาบ้าง?”
คุณจะเกิดความอัศจรรย์ใจว่า เพียงให้คำถามนี้ติดอยู่ในหัว แบบ
พร้อมใช้งานทันทีทุกครั้ง จะเหมือนมีแสงสว่างเปิดหูเปิดตาให้เห็นสิ่งที่
ไม่เคยเห็น รู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึก เข้าใจอย่างที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย!

ปล่อยใจคิดลบ ไม่มีทางรู้สึกบวก
ฝืนใจคิดบวก ก็จะยังคงรู้สึกลบ
ต่อเมื่อพบว่าได้อะไรมา ถึงจะลืมว่าเสียอะไรไป!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น