วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

สวัสดีปีใหม่ 2560

สวัสดีปีใหม่ 2560  สำหรับเพื่อนๆที่ติดตามบล๊อกเล็กๆบล๊อกนี้ครับ  ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งหลายจงพบแต่ความสุขความเจริญ ความสุขสำราญกับชีวิตและครอบครัว คิดและทำอะไรอย่างมีสติ รอบคอบและไม่ย่อท้อ ซึ่งก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี คุ้มค่า และภูมิใจ ครับ

ด้วยความปรารถนาดี

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในแวดวงราชการ

แวดวงของข้าราชการทุกประเภทของประเทศไทย  ไม่น่าเชื่อว่า มีการทุจริตคอรัปชั่นมากเหลือเกิน    การทุจริตของข้าราชการ มีทั้ง ทุจริตเชิงนโยบาย ทุจริตเวลาราชการ ทุจริตพัสดุคุรุภัณฑ์ ทุจริตในวินัขของข้าราชการ ทุจริตจากการแต่งตั้งโยกย้าย ฯลฯ

ผู้ที่เคยรับราชการจะพบเห็นเป็นประจำ แต่นั่นคือ ชีวิตประจำวันของเขา พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นทุจริต คงเป็นความคุ้นเคยของการปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างง่ายๆ ของการทุจริตที่ข้าราชการเขาไม่คิดว่ามันเป็นการทุจริต นั่นคือ พัสดุสิ้นเปลือง เช่น ดินสอ ปากกา ลิควิดเปเปอร์ กระดาษถ่ายเอกสาร ซองน้ำตาล ซองครุฑขาว ฯลฯ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น บรรดาข้าราชการใช้กันอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะมันเป็นพัสดุสิ้นเปลือง ถึงแม้จะมีการควบคุม แต่มันก็ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะการขาดจิตสำนึกในการบริหารจัดการ บางคนบอกมันก็คือ ปากกาแท่งหนึ่ง ดินสอแท่งหนึ่ง....ใช่ครับ มันแค่นั้นจริงๆ...แต่นั่นคือ คนหนึ่ง กับหนึ่งหน่วยงานที่มีคนในสังกัดอีกกี่คน หน่วยงานราชการมีทั้งหมดเท่าไรครับ

ท่านเชื่อหรือไม่ว่าพัสดุสิ้นเปลืองเหล่านี้ ใช้งบประมาณไม่ใช่น้อยในแต่ละปีงบประมาณ  การบริหารเงินงบประมาณก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าราชการทั้งหลายที่มีประสบการณ์จะแปลงงบประมาณที่ใช้ไม่หมด มาใช้จนหมดหรือเกือบหมดเมื่อใกล้ถึงวันสิ้นงบประมาณ

คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้อาจมองไม่ค่อยเห็น ไม่ค่อยชัดเจน  แต่เชื่อเถอะครับ....มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

(มาสำนึกได้ว่า การพอเพียงเป็นสิ่งสำคัญก็ต่อเมื่อต้องเกิดการสูญเสียพ่อก่อนหรือครับ ทั้งที่พ่อส่งให้ทำตั้งนานแล้ว)


วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เทวดาของลูกกลับสวรรค์แล้ว

เหมือนฟ้าฟาดลงมาตรงกลางใจของคนไทยทั้งหลาย อาการจุกอก อาการมึนงง อาการที่คิดว่านี่คือความฝันนะ ฯลฯ ถาโถมเข้ามาในใจคนไทยทั้งประเทศ บรรยากาศช่างอึมครึมเสียเหลือเกิน โลกนี้ช่างไม่สดใส โลกนี้ช่างโหดร้าย เสียเหลือเกิน ณ เวลานั้น 

เมื่อตั้งสติได้ ทุกคนเริ้มรับความจริงที่เกิดขึ้น เริ่มสังเกตสิ่งรอบข้าง เริ่มมีญาติมิตรสหายโทรมาบอกว่า ออกไปดูพระจันทร์ ทรงกลดเร็ว สิ่งเหนือธรรมชาติมาในเวลานั้น ขนลุกขนพอง รุกขเทวดา เทพยดา ทั้งหลาย ต่างขานรับและลงมารับเสด็จ ดวงพระวิญญาณของพ่อไปสู่สวรรคาลัยแน่ๆเลย 

ฉับพลัน มีเมฆปกคลุมพระนคร ซึ่งโบราณเขาเรียกว่า หมอกธุมเกตุ ซึ่งปรากฏการแบบนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้น ประตูสวรรค์เปิดรับดวงพระวิญญาณของพ่อแล้ว ขอพ่อสุขสบายเสียที ทรงเหนื่อยพระวรกายมามากแล้ว แต่เชื่อ เหลือเกินว่า พ่อยังคงเฝ้ามองดูลูกๆของท่านด้วยความเป็นห่วงเป็นใยแน่ๆ เพราะพ่อบอก พ่อจะไม่ทิ้งลูก พ่ออยู่กับพวกเราตลอดเวลา พ่อไม่ได้ไปไหน พ่อแค่ไปพักผ่อน 

ต่อไปนี้ลูกๆจะต้องดูแลกันเอง โดยระลึกถึงคำพ่อสอน ให้รักและสามัคคีกันนะ ให้อภัยกันนะ อยู่แบบพอเพียงกันนะลูก พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีแล้วลูกจะมีความสุข ครับพ่อ.....ลูกเชื่อพ่อและจะทำความดีถวายพ่อตลอดไปครับ..

รักพ่อเหลือเกิน...


วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องขำๆ

ในขณะที่ผมยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถประจำทางแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  ขณะนั้นมีผู้คนที่รอรถอยู่ 2-3 คน รวมทั้งผมด้วย  ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00 น. ฟ้ามืดแล้ว แต่อาศัยยังคงสว่างด้วยแสงไฟจากเสาไฟและไฟจากป้ายรอรถประจำทาง

หลังเลิกงานก็จะเป็นอยู่แบบนี้ประจำ ช่างจำเจเสียเหลือเกิน  คิดอะไรในใจไปเรื่อยเปื่อย  ทันใดนั้นก็หันหน้าไปทางซ้ายมือ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุอานามก็คงราวๆยี่สิบต้นๆ แต่งตัวธรรมดาๆ ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร (ในยามค่ำเช่นนี้)

เหลียวหน้าไปทางขวาไม่มีใคร  หันหลังกลับไปมอง ก็เห็นผู้ชายสองสามคน คนนึงนั่ง คนนึงยืน นึกในใจ....อืมม..เขาคงรอรถกลับบ้านเหมือนกับเราน่ะแหละ...

สักพัก...ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางซ้าย กับ ผม  ก็บังเอิญหันหน้ามามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย  ชายหนุ่มยิ้มมุมปากให้  แต่ผมกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น...

ฉับพลัน..เท่าความคิด...ผมก็คว้าข้อมือชายหนุ่มคนนั้น (ซึ่งตัวเล็กกว่าผม ผมจึงกล้า) แล้วพูดออกไปดังๆ (ให้เหมือนที่พวกตำรวจสายสืบกำลังชาร์จเข้าจับผู้ต้องหา เพื่อใช้เสียงดังข่มขู่ไม่ให้คนร้ายต่อสู้และให้เกิดความหวาดกลัว

"เฮ้ย...เอาโทรศัพท์กูคืนมาเลย หนอยๆ...จะล้วงคองูเห่าเหรอ เร็ว..เอาคืนมาเดี๋ยวนี้"

"อะไรๆ อยู่ดีๆก็มายัดข้อหากันซะแล้วพี่...ไม่มี ไม่ได้เอาไป.." ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับอย่างตกใจ

"งั้นขอค้นตัว" พูดแล้วก็ไม่รอให้เขาอนุญาต แต่ค้นเท่าไรก็ไม่พบโทรศัพท์ของผม  ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาทันที  อ้อ..สงสัยมันทำกันเป็นกระบวนการแน่ ประมาณว่า ล้วงโทรศัพท์ไปแล้ว ส่งต่อให้เพื่อนเอาไปอีกทีหนึ่ง  คิดได้ดังนั้นผมจึง เอาโทรศัพท์ของคนร้ายมาเพื่อใช้โทรเข้าเบอร์ของผม

พลันนิ้วก็กดเบอร์โทรของผมทันทีไม่รอช้า  ปรากฏว่า มีเสียงเรียกด้วยครับ  คิดในใจ..หืม..คงแอบดูอยู่อ่ะสิ แบบว่าไม่ทิ้งเพื่อน รอไปพร้อมกันล่ะสิ  ยิ่งคิดยิ่งโมโห....ฉับพลันนั้นเอง....

มีคนกดรับโทรศัพท์ที่ผมโทรเข้าไป  ไม่ต้องรออะไรแล้วครับ.... ผมรีบแย่งพูดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเดือดดาล

"เอาโทรศัพท์กูคืนมาเลยมึง อยากมีเรื่องใช่มั้ย ไอ้เวรตะไลเอ๊ย..."

สิ้นเสียงคำขู่ของผม...

"โหย แค่นี้ก็ต้องขู่ต้องด่ากันด้วยเหรอไอ่แก่  ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านยังไม่รู้ตัว หลงๆลืมๆแล้วนะ กลับมารีบกินยาแล้วเข้านอนเลยนะไอ้แก่"

??????? 555555


วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

การสร้างกำลังใจให้ตนเอง

หลายคนเคยท้อแท้กับชีวิต เคยเบื่อหน่ายกับความจำเจของชีวิต บางคนคิดว่าเราก็ขยัน เราก็ไม่ได้เกเร แต่ทำไมชีวิตมันยังไม่ดีขึ้น บางคนคิดแม้กระทั่งไม่อยากทำดีเสียแล้ว เพราะทำดีความดีมันไม่เคยตอบแทนให้สักที บางคนถึงขนาดคิดสั้นกันไปเลยก็มี

มามองดูตัวเอง เราก็เคยท้อแท้ เคยเบื่อหน่าย เคยคิดว่าเราก็เป็นคนดี เราก็ขยัน ทำไมชีวิตมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังล่ะ  เชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยเป็นแบบนี้

ทีนี้ ครั้งหนึ่งระหว่างดูโทรทัศน์ก็เปิดไปเจอรายการหนึ่งที่ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป ชีวิตก็เปลี่ยนไป แม้การเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้ทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก แต่ก็ทำให้จิตใจดีขึ้น สงบมากขึ้น มองโลกในแง่ดีมากขึ้น

รายการดังกล่าวนั้น เล่าเกี่ยวกับชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งอาศัยกับน้องสาว ไม่ใช่สิ เธอดูแลน้องสาวมากกว่า เพราะพ่อแม่เธอเสียไปนานแล้ว ที่สำคัญเธอและน้องสาวของเธอ เป็นคนพิการแขนขาลีบ กระดูกโค้งงอผิดรูป ทำให้การเคลื่อนไหวทำไม่ได้ เดินไม่ได้ ทำได้แค่เหมือนการคลาน....

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าร่างกายของเธอ ก็คือ เธอเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดี คำพูดของเธอแค่คำพูดเดียว มันเปลี่ยนโลกของเธอไปได้ คำพูดที่ว่านั่นคือ เกิดมาแล้วนี่ ก็ทำชีวิตให้มันมีความสุขสิ ทำยังไงอ่ะเหรอ ก็ใช้ชีวิตปกติ ทำมาหากินตามสภาพที่เราสามารถทำได้ (ซึ่งเธอและน้องสาวทำงานด้วยการถักโครเชตุ๊กตา และงานประดิษฐ์ประดอย) อย่าไปมองคนอื่นสิ ถ้ามองคนอื่นที่ดีกว่าเรามากๆ เราก็ทุกข์น่ะสิ 

แม้คำพูดเหล่านี้มันจะเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ แต่การที่มาเห็นและได้ยินจากปากคนที่ด้อยกว่าคนอื่น ด้อยกว่าทั้งร่างกายและวิถีชีวิต  ทำให้คนที่มีร่างกายปกติ มีหน้าที่การงาน มีครอบครัว และมีโอกาสที่ดีมากว่าเธอหลายเท่า ต้องหันกลับมาคิดไตร่ตรองว่า เธอและน้องสาวควรจะเป็นคนที่มีความทุกข์มากกว่าเราเสียอีก แต่ทำไมดูเธอมีความสุขเสียจริงๆ หันกลับมามองตัวเรา กลับเป็นตัวเราและอีกหลายๆคนที่ดีกว่าเธอทุกๆด้าน สร้างความทุกข์ขี้นมาเองทางความคิด ทั้งๆที่ความทุกข์นั้นทุกคนมีอยู่แล้ว แต่เป็นใครต่างหากที่นำมันขึ้นมาคิดให้ทุกข์มากยิ่งขึ้น แต่เธอและน้องสาวเธอนำความทุกข์ที่มี นำปมด้อยที่มีปรับเปลี่ยนมาเป็นความสุขเสียอย่างนั้น

ไม่พ้นคำสอนของพระพุทธเจ้าในการกำจัดความทุกข์ทิ้งไป  ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออะไร ก็กำจัดมันออกไป แล้วเราก็จะพบกับทางสว่างของชีวิต...ไม่เชื่อลองเปลี่ยนความคิดดู ตัดต้นเหตุแห่งทุกข์ออกดู...แล้วค่อยมาคุยกันใหม่...


วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อยากย้อนเวลา

รู้สึกคิดถึงบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม อากาศ ผู้คน เสียงเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง เพลงสากล เพลงสตริง  ทุกครั้ง
ที่ได้ฟังเพลงเก่าๆเหล่านี้

เพลงหลายๆเพลง ได้ยินได้ฟังได้รู้จักก็เพราะ ผู้ใหญ่สมัยนัั้นเขาเปิดฟังแล้วเราก็ได้ยิน ทำให้ติดหู จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป ไม่รู้ว่านานแค่ไหน

แต่กลับมารู้สึกว่า กำลังคิดถึงอดึต ก็อายุปาเข้าไปหลักสี่หลักห้ากันเสียแล้ว  สมัยหนึ่งในวัยเด็ก และในวัยรุ่น บางเหตุการณ์ บางจังหวะเวลา มีความรู้สึกว่า เวลามันช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน

เคยมโนไปว่า ตอนเราอายุ 30, 40, 50, 60, หน้าตาเรา หรือสภาพของเราจะเป็นอย่างไรหนอ?  เอ๊ะ!!! หรือเราจะอยู่ถึงตอนนั้นมั้ย  

จวบจนปัจจุบันทุกคนมีความรู้สึกเหมือนกันว่า ทำไมเวลามันช่างเดินเร็วเสียเหลือเกิน เดี๋ยวก็วันจันทร์ เผลอแผลบเดียว มาวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ อีกแล้ว

เอ๊ะ!!! หรือว่า โลกมันหมุนเร็วขึ้นหรือ??

หรือว่า  โลกของเรามันกำลังบอกอะไรกับมนุษย์

หรือว่า  มนุษย์เรากำลังเผชิญกับสิ่งเร้นลับ สิ่งมีชีวิตนอกโลก 

และหรืออะไรต่อมิอะไร....

ไม่มีคำตอบ...ต้องรอดูกันเอาเอง รักษาสุขภาพนะครับ...


วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความสุขของประเทศไทย

จากเรื่องพระที่กำลังมีปัญหา...กำลังจะกลายเป็นปัญหาการเมืองซ้อนเข้าไปอีกแล้ว....โถ..ประเทศไทยที่รัก...เมื่อไรจะพบความสุขกับเขาเสียทีล่ะพ่อคุณแม่คุณ

ต้องบอกว่าคนส่วนมากที่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์  แต่ไม่มีการแสดงออก ไม่มีความกระตือรืนล้น นิ่งดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...โอว...น่าสงสารประเทศไทยนะครับ

รัฐบาลไหนเข้ามามีอำนาจ นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา....ก็มีปัญหาทุกครั้งไป...คนไทยทำไมต้องแตกแยกกันได้ขนาดนี้ ต่างฝ่ายก็ว่าตัวเองถูก จนต้องกลายเป็นสามฝ่าย  ฝ่ายสนับสนุนหนึ่ง ฝ่ายต่อต้านหนึ่ง ฝ่ายนิ่งสงบ ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่มากกว่าทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันเสียอีก

แล้วเราจะรวมกันได้ไหม..ชาตินี้  ในขณะที่สถานบันพระมหากษัตริย์ก็ถูกโจมตีมาตลอดและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  

ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ จงปกป้องคุ้มครองพ่อหลวงรัชกาลที่ 9  ของเรา ให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยไปอีกนานแสนนานด้วยเทอญ....

รักประเทศไทย...