ความเชื่อในเรื่องวิบากกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรที่เราได้เคยทำไม่ดีไว้ ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือในชาตินี้ก็ตาม ต่างก็มีผลมาถึงปัจจุบัน อุปสรรคและความทุกข์ที่เราต้องเจอ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำทีั้งสิ้น วิบากกรรมนี้ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ แต่เชื่อว่าหลายๆคนสามารถสัมผัสได้ว่ามีอยู่จริง เรามาแก้วิบากกรรมกันครับ
1.ทำบุญอุทิศส่วบวชส่วนกุศล เป็นวิธีที่สืบทอดตามกันมา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ทอดกฐิน ไถ่ชีวิตโคกระบือ แล้วตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร แต่นี่เป็นเพียงกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจไม่เพียงพอที่จะไถ่โทษทัณฑ์ที่ได้กระทำผิดต่อเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นได้
2.การบวชพราหมณ์ หรือ บวชพระ รวมไปถึงการถือศีล 5 ศิล 8 และศีล 227 ส่วนจะบวชกี่วันนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน การบวชชีพราหมณ์เป็นระดับบุญที่สูงกว่าการให้ทาน เพราะมีโอกาสได้ทำวัตรเช้าเย็น และยังมีโอกาสนั่งสมาธิ แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรได้อีกด้วย
3.การเจริญสมาธิภาวนา สังคมปัจจุบันใช้ชีวิตอยุ่ที่ทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ย่อมมีข้อจำกัดไม่มีเวลาไปบวช ดังนั้น เราควรทำบ้านให้กลายเป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญภาวนาให้เป็นประจำ เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด เป็นที่ปรารถนาของทุกดวงจิต เพราะผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียด ย่อมต้องการบุญที่ละเอียดเช่นกัน
4.การขออโหสิกรรม ถือเป็นการให้อภัยทาน คือ การไม่ถือผิด ยกโทษให้การล่วงเกินกระทบกระทั่งทั้งหลายว่าเป็นโทษ อภัยทานเป็นทานระดับทานปรมัตถบารมี หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที
5.การขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อกระทำทุกอย่างรอบๆตัวแล้ว อาการป่วยหรือสภาวะต่างๆไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางมาไกล่เกลี่ย เช่น ผู้ทรงศีล พระผู้ทรงอภิญญา หรือ ผู้ที่มีจิตสัมผัส
กล่าวมาถึงตรงนี้ ต้องการนำเสนอให้ทุกคนเห็นอีกด้านหนึ่งของวิถีแห่งเทวะบำบัด ซึ่งก็คือ การไกล่เกลี่ยต่อเจ้ากรรมนายเวร
สาธุ สาธุ สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น