ณ วัดแห่งหนึ่ง
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตร เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามว่าเป็นอะไร และลูกศิษย์ก็ตอบว่า
"ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อยๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ"
หลวงตานั่งลงข้างๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
"เจ้ารู้ไหม...ในตัวเราน่ะมีคนอยู่สามคน
คนแรก คือ คนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สอง คือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สาม คือ ตัวเราที่เป็นเราจริงๆ"
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ ินิ่งฟังหลวงตาพูดต่อ
"คนเราล้วนมีความฝัน ความทะเยอทะยานอยาก ตามประสาปถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ"
"มาถึงคนที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอายเพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งคนที่สองก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้"
"อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉยๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วกระเด็นมาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่า เป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่า "เขาเป็นฆาตกร"
"คนที่ชอบนินทานั้น มองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจำสีดำแห่งจิตใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม"
"เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครีั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่้ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่า อย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทา เรียกว่า วิถีของคนพาล"
"แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรล่ะครับ ในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อยๆ" ลูกศิษย์ถามต่อ
"เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่า สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง"
"ใจเราควรสงบนิ่ง ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสาร มีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม"
"เข้าใจแล้วครับหลวงตา" ลูกศิษย์น้อยยิ้มทั้งน้ำตา และมีความสุขอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น