วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ครั้งหนึ่งในวัยรุ่น

          ครั้งนั้น ยังเรียนชั้น ปวช.1 อาชีวศิลป์ศรีย่าน และกลับมาจากการหาประสบการณ์ชีวิตชนบท กลับมาจากการห่างหายจากแม่พี่น้องราว 2 ปี  ก็พบว่า ชีวิตคนเรามันช่างกว้างเสียเหลือเกิน มันไม่มีจุดสิ้นสุดของการหาประสบการณ์ ห่างจากเพื่อนเก่า มาพบเพื่อนใหม่ และได้ประสบการณ์จากเพื่อนใหม่อีกมากมาย
          ตอนนั้นเพื่อนๆอยากเข้าห้องซ้อมดนตรีกันเสียเหลือเกิน ซึ่งก็รวมทั้งตัวเราเองด้วย ทำยังไงล่ะ เงินรวบรวมกันได้ยังไม่พอ สมัยนั้นห้องซ้อมดนตรี ชั่วโมงละ 70-80 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ตัวเราเองก็ดันเคยๆได้ยินมาว่า บัตรประชาชนสามารถนำเอาไปตึ๊ง(จำนำ) กับโรงรับจำนำเอกชนได้  ก็เลยอาสาเพื่อนเพราะอยากลองด้วยว่าที่ได้ยินมานั้น จริงหรือไม่  
          ก่อนเดินเข้าโรงรับจำนำแถวบ้าน ก็สอดส่องดูแล้วว่าปลอดคน (อาย) จึงรีบเดินเข้าไปอย่างปอดๆ มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก เพราะไม่รู้จะทำไงต่อ วินาทีนั้น ได้ยินเสียงคนพูดออกมาว่า เอ้า อาตี๋มาทำอารายล่ะ เราก็มองหาเจ้าของเสียงนั้น จนสบตากับเจ้าของเสียง จึงพูดออกไปแบบไม่เต็มเสียงนักว่า เอาของมาจำนำครับ  ชายคนดังกล่าวก็ถามต่อว่า เอาอะไรมาจำนำล่ะอาตี๋  เราจึงได้ยกบัตรประชาชนชูขึ้นให้เขาดูแบบกลัวโดนด่า  เมื่ออาเฮียคนนั้น (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นเจ้าของโรงรับจำนำแห่งนี้) มองมาที่บัตรประชาชนปุ๊บ ก็ตะโกนออกมาว่า "เอามาสิ 50 บั่กนะ"  โห....ได้ตั้ง 50 บาทแหน่ะ  
          พอตั้งสติได้ เลิกหวาดกลัว ก็เลยชวนอาเฮียแกคุย และถามว่า ทำไมถึงรับบัตรประชาชนล่ะครับ  อาเฮียแกตอบว่ามา "การทำบัตรประชาชน (สมัยก่อน) เป็นอะไรที่นานมากกว่าจะได้บัตรจริง เพราะฉะนั้น อาเฮียคิดว่า คงไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะไม่มาไถ่ถอนหรอก
          อืมม...นั่นสินะ  สมัยก่อนการทำเกี่ยวกับงานเอกสารราชการ มันค่อนข้างยุ่งยากมาก เสียทั้งเวลาและเงินทอง  อืมม...ได้ประสบการณ์อีกละเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น