การหลงรักทางเน็ตเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมคุยกับบางคนรู้สึกดีกว่าคนที่คบกันแบบเจอตัวจริงเสียอีก?
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะการคุยทางเน็ตกระตุ้นให้ใช้จินตนาการ ส่วนการคุยแบบเห็นหน้า กระตุ้นให้อยู่กับความจริง!
จินตนาการเป็นความอบอุ่นใจที่ดูสมบูรณ์แบบ
จินตนาการไม่มีอ้วนไปหรือผอมไป
จินตนาการไม่มีเสียงตะคอกระคายโสต
จินตนาการไม่มีกลิ่นตัวกับกลิ่นปาก
จินตนาการไม่มีอะไรก็ตามที่คุณไม่ชอบเพราะใจคุณกรองสิ่งที่ไม่ชอบออกไปหมดแล้ว
จะคุยกับใครก็ตามขอเพียงเขาหรือเธอจุดอารมณ์อยากพูดคุยให้กับคุณ ยิ่งคุยบ่อยยิ่งคุยนาน คุณจะยิ่งถูกดูดเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้ไม่เคยเห็นหน้าก็จะรู้สึกเหมือนเห็นหน้าแล้ว เพราะจินตนาการที่เข้มข้นพอ ได้ช่วยวาดภาพใบหน้าเขาหรือเธอให้เด่นชัดขึ้นมาในใจคุณแล้ว
เบื้องหลังคำพดูที่ก่อให้เกิดจินตนาการ คือบุคคลจริงๆ ฉะนั้นไม่ว่า จินตนาการจะก่อให้เกิดสุขหรือเกิดทุกข์เพียงใด คุณจะทึกทักว่านั่นเป็นสุขเป็นทุกข์จริงๆจังๆเสมอ แม้จะถูกหลอกปล่อยให้หลงสร้างจินตนการอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ตัว หรือไม่อยากเฉลียวคิดให้ทัน
ตัวอย่างที่มีมานานและจะมีไปตลอดก็เช่น ถ้าไม่เคยพบตัวจริงก็เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหารูปใครมาหลอก หรือบางทีก็บอกว่าใช้รถยี่ห้อหรูเล่นหุ้นได้ปีละหลายล้านชอบอะไรอย่างนั้น ทำงานอย่างนี้ ทั้งที่ตัวจริงแก้อาการมโนเกินจริงไม่ได้ใกล้เคียงกับที่โฆษณาไว้เลยแม้แต่น้อยแต่ฝ่ายถูกหลอกเมื่อหลงเชื่อไปแล้วก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นอย่างนั้นเธอเป็นอย่างนี้แน่นอน!
บางทีขนาดเขาหรือเธอไม่บอกอะไรถ้าคุณอยากมโนเสียอย่าง แค่อาศัยร่องรอยจากการสนทนาบางคำคุณก็อาจเข้าใจผิดไปเองว่า เขาหรือเธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ต่อให้เขาหรือเธอแก้ว่าไม่ใช่ความยึดมั่นใน จินตนาการก็มีสิทธิ์ทำให้คุณยังยึดมั่นความเชื่อของตนอยู่ดี
การหลงรักทางเน็ตเป็นหลักฐานได้ดีว่า
หลายครั้งเจ้าตัวไม่ต้องทำอะไร
จินตนาการของคุณจัดการให้เองหมด
หลายคนได้บทเรียนจากจินตนาการผ่านการเผชิญหน้าความจริง แต่หลายคนก็ติดหลงวนเวียนอยู่กับความฝันไปเรื่อยๆแล้วอยากหนีหายจากโลกความจริงไปเลยอันนี้เป็นเหตุให้เกิดความหักเหในทางลาดลงต่ำเสียมากกว่าจะไต่ขึ้นสูง เช่น นำไปสู่โรคติดเน็ตแบบถอนตัวไม่ขึ้นบ้าง นำไปสู่โรคกลัวสังคม เกรงการเผชิญหน้าความจริงบ้างหรือกระทั่งโรค ทนความจริงไม่ได้อยากฆ่าตัวตายหวังสวรรค์บ้าง
ระหว่างโดนคนหลอกกับโดนจินตนาการของตัวเองหลอก การโดนจินตนาการของตัวเองหลอกน่ากลัวกว่าเพราะพอรู้ตัวว่าโดนใครหลอกคุณจะเลิกไว้ใจเขาทันที ขณะที่ถ้าโดนจินตนาการตัวเองหลอกคุณจะยังคงรู้สึกอบอุ่นใจกับมันอยู่
เพื่อจะ‘หายป่วย’จากโรคมโนเกินจริง คุณจำเป็นต้องเห็นให้ชัด ทั้งคุณและโทษของจินตนาการ
ถ้าไม่จินตนาการเลยมนุษย์จะต้องติดอยู่แต่กับความจริงอันแห้งแล้งการมีจินตนาการบ้าง อย่างรู้ว่านั่นเป็นจินตนาการ นับเป็นการหลบหนีชั่วคราวที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายลงจากอาการหิวโหยได้
แต่ถ้าจินตนาการจริงจังเกินไปหลงเชื่อว่าทุกสิ่งที่คิดทุกสิ่งที่รู้สึกคือ ความจริงอันเป็นอื่นมิได้ อันนั้นอันตรายแล้วเป็นโทษแล้วต้องแก้เกมกันใหม่แล้ว
เมื่อจะปักใจเชื่อมโนภาพอันใดที่ยังปราศจากความจริงจับต้องได้มารองรับให้เร่งรู้ตัว ณ บัดนั้นว่า เป็นอาการที่จิตขุดหลุมดักตัวเอง เพียงแค่รู้สึกให้ทันและกระซิบกับตนว่า‘นี่กับดัก’ก็จะไม่เกิดอาการถลำลึกลงไปเต็มที่แล้ว
การไม่ถลำตัวจมมิดช่วยให้มีสติรองรับจินตนาการอยู่ตลอดเวลา ถ้า ‘รู้ความจริงทั้งหมด’ แล้วสมจินตนาการก็น่าดีใจสมตัวแต่ถ้าต้องผิดหวังไม่สมกับที่จินตนาการไว้ก็จะไม่ใช่ความผิดหวังที่แรงขนาดบาดเจ็บอะไรได้เลย!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น